วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การสือสาร และ โปรโมชั่น (Communication and Promotion)




ในบรรดาทักษะที่สำคัญที่สุดในแวดวงการตลาดจะต้องมีเรื่องของการสื่อสาร และโปรโมชั่นรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน การสื่อสารเป็นคำที่มีความหมายก้วางกว่า และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะมีแผนงานไว้หรือไม่ก็ตาม เครื่องแต่งกายของพนักงานขายก็ถือว่าเป็น่การสื่อสารอย่างหนึ่ง ราคาสินค้า หรือแม้แต่สำนักงานของบริษัทก็ถือเป็นการสื่อสาร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสร้างความรู้สึกต่อผู้รับสารทั้งสิ้น นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมจึงมีคนสนใจเรื่องการสื่อสารทางการตลาดแบบครบวงจรมากขึ้น บริษัทต่างๆต้องมีสิ่งที่สร้างความประทับใจอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ฝ่ายบุคคล สิ่งอำนวยความสะดวก การดำเนินงานต่างๆ เพื่อสื่อความหมายของแบรนด์ไปจนถึงการให้คำมั่นสัญญาต่อกลุ่มเป้าหมาย

ขณะที่โปรโมชั่นเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสาร ประกอบไปด้วยข้อมูลข่าวสารต่างๆที่ถูกปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ การรับรู้ความสนใจในตัวผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย บริษัทจะใช้ทั้งโฆษณาการส่งเสริมการขาย พนักงานขาย และการประชาสัมพันธ์ เพื่อเผยแพร่ข่าวสารออกไปดึงดูดความสนใจ

แผนการโปรโมชั่นจะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลย ตราบใดที่ไม่มีความสามารถในการดึงดูดความสนใจผู้คนได้ แต่ปัญหาก็คือ ปัจจุบันมีข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ไม่่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกระจายเสียง และขัอมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ในแต่ละปีเราต้องพบเจอกับเว็บเพจ 2 พันล้านหน้า นิตยสาร 18,000 เล่ม และหนังสือใหม่ๆอีก 60,000 เล่ม เมื่อพบเจอกับสิ่งเหล่านี้มนุษย์เราได้ปรับตัวเพื่อหนีให้ห่างจากการเสพข้อมูลที่มากเกินไป เราโยนแคตตาลู็อกและไดเร็คเมลส่วนใหญ่ลงถังขยะ เราลบอีเมลที่ไม่ต้องการทิ้งโดยที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน นอกจากนี้เรายังปฏิเสธที่จะรับฟังข้อเสนอต่างๆทางโทรศัพท์

ข้อมูลที่มากเกินไป จะไม่มีแรงดึงดูดมากพอและก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายตามมา ขณะเดียวกันทำให้การเรียกร้องความสนใจจากผู้คนทำได้ยากเย็นขึ้น บางครั้งแรงดึงดูดที่มีต่อกลุ่มเป้าหมายมีน้อยมาก จนกลายเป็นบริษัทต้องเสียเงินในการทำตลาดมากกว่าการผลิตสินค้าเสียอีก กรณีนี้เกิดขึ้นมาแล้วกับน้ำหอมยี่ห้อใหม่ๆ และภาพยนตร์เรื่องใหม่ๆ

ผลที่ตามมาก็คือ นักการตลาดจำเป็นต้องศีกษาว่ากลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มแบ่งสรรเวลาไปให้ความสนใจข้อมูลนั้นอย่างไร นักการตลาดต้องการรู้จักวิธีที่จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคให้มากที่สุดว่าคืออะไร อาจจะใช้การเรียกร้องความสนใจรูปแบบต่างๆ เช่น การใช้นักแสดง และนักกีฬาชื่อดัง การใช้บุคคลที่ได้รับการยอมรับและมีความใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมาย การสร้างเหตุการณ์ขึ้นมา แถลงการณ์ หรือการตั้งคำถามที่น่าตกใจ การยื่นข้อเสนอแบบให้เปล่า และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน

แม้กระนั้นก็ยังมีข้อสงสัยในเรื่องของประสิทธิผลที่ได้รับ การสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นเป็นเรื่องหนึ่ง การดึงดูดความสนใจที่ยั่งยืนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการลงมือปฏิบัติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การดึงดูดความสนใจก็คือ การทำให้คนบางคนใช้เวลาอย่างตั้งอกตั้งใจกับบางสิ่ง แต่จะนำไปสู่การลงมือซื้อหรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น: